
เจ้าของที่ทุ่งนา เล่าที่มาการเจอกระดูกมนุษย์ ตรงดังที่คนทรงบอก เชื่อเป็น “แม่คุณย่าผมหอม–บิดาปู่คำแสน” โกรธคนย่องประกอบพิธียามวิกาล ถูกเบอร์หลักล้าน
วานนี้ (19 มี.ค.) นักข่าวลงพื้นที่ไปยังนาของ นางสาวณัฐฐกาณฑ์ อายุ 52 ปี ตั้งอยู่ทิศใต้ของหมู่บ้าน แล้วก็ได้เจอกับเจ้าของที่ที่นาพาผู้รายงานข่าวมองจุดที่เจอกระดูกดังกล่าวมาแล้วข้างต้น โดยก่อนที่จะเจ้าของที่จะพาดูนั้นได้พาจุดธูป 9 ดอก เพื่อขออโหสิ
แล้วก็ได้พานักข่าวเดินมองรอบๆที่ขุดเจอกับรอบๆที่คาดว่าจะมีกระดูก พบว่ามีอีกสองจุดที่มีความรู้สึกว่าจะมีกระดูก แล้วก็ยังเจอเศษเครื่องเคลือบที่คาดว่าจะเป็นหม้อดิน ไหดิน อยู่ในรอบๆดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นด้วยอีกเยอะๆ
ซึ่ง นางสาวณัฐฐกาณฑ์ บอกกับผู้รายงานข่าวว่า จากคำกล่าวของคนทรงเจ้ากล่าวว่า จุดนี้เป็นเสมือนบ้านคน มีทั้งยังครัวซึ่งมีสิ่งของหลายอย่าง ในลักษณะที่แตกเป็นชิ้นน้อยชิ้นใหญ่ แต่ว่าก็จำต้องคอยการตรวจดูจากทางข้าราชการกรมศิลปก่อนก็เลยจะการันตีได้ชัดแจ้ง
นางสาวณัฐฐกาณฑ์ อายุ 52 ปี ราษฎร มัธยม1 บริษัทแวงน้อย ตำบลแวงน้อย อำเภอแวงน้อย จังหวัดขอนแก่น เล่าให้ผู้รายงานข่าวฟังว่า รอบๆนี้เรียกว่าโนนสาวเอ้ ซึ่งเรียกกันมาตั้งแต่โบราณ โดยเป็นโนนบ้านเก่า ตัวเองซื้อนาผืนนี้มาตั้งแต่เมื่อราวๆ 7-8 ปีให้หลัง ปริมาณ 12 ไร่ 2 งาน ก่อนหน้าที่ผ่านมาก็ไม่มีสถานะการณ์อะไร แม้กระนั้นคิดว่าเป็นที่ที่แรง ลักษณะเสมือนมีความรู้สึกบางสิ่งบางอย่าง
จนถึงเมื่ออาทิตย์ที่แล้วมีความรู้สึกแปลกๆอีกรอบ ซึ่งเป็นความเชื่อส่วนตัวก็เลยไปพบคนทรงเจ้าพระแม่อุมาและก็ท้าวเวสสุวรรณ ที่ตัวเองให้ความเชื่อ รวมทั้งถ่ายโฉนดที่ดินนาผืนที่ซื้อนี้ให้กับคนทรงมอง
โดยคนทรงได้กระทำการเข้าเจ้าแล้วก็บอกตัวเองว่า มีกระดูกมนุษย์อยู่ในดินบนนาตนเอง เป็นแม่คุณย่าผมหอมกับบิดาปู่คำแสน ปัจจุบันนี้ต้องการจะขึ้นมาเนื่องจากท่านรอลูกมานานแล้ว มองเห็นบุตรหลานแล้วต้องการให้ลูกมาเอาขึ้น
ทั้งตัวเองก็ตั้งมั่นจะเคลียร์พื้นที่เพาะปลูกด้วย ก็เลยได้นิมนต์พระภิกษุที่วัดในหมู่บ้าน มาทำบุญทำทานอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้กับแม่คุณย่าผมหอม และก็บิดาปู่คำแสน ตามความเชื่อถือและก็ตามคำร้องของคนทรง มอบสังฆทาน ทำบุญทำกุศลอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้แม่คุณย่าผมหอม บิดาปู่คำแสน ก่อนที่จะว่าจ้างรถยนต์กางคโฮมาขุดวันแรก โดยเหตุการณ์ผ่านไปไม่มีอะไร
ถัดมาวันที่ 2 ของการขุดตระเตรียมดิน (10 มี.ค.) เวลาราว 10.00 น. ห่างจากจุดที่เจอกระดูกนี้ไปโดยประมาณ 2 วา ตอนที่รถยนต์กางคโฮดำเนินการมีนกกาบินมาจับที่มือรถยนต์กางคโฮอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะบินวนไปวนโกรธเคืองหว่างต้นไม้ 3 ต้นที่อยู่กึ่งกลางนา กับลงมาจิกมือรถยนต์กางคโฮ รวมทั้งแผดเสียงร้องแข่งขันกับเสียงรถยนต์กางคโฮดำเนินงาน ตัวเองมองเห็นผิดสังเกตก็เลยโทรศัพท์ไปพบคนทรง
โดยคนทรงเจ้ากล่าวว่า ให้รถยนต์กางคโฮดำเนินการเบาๆใกล้จะขุดพบกระดูกแล้ว เนื่องจากว่าบอกไปที่ผ่านมาแล้วว่าจะพบกระดูกรอบๆนี้ ตัวเองก็เลยเดินไปบอกให้คนขับกางคโฮเบาๆโดยที่มิได้บอกอะไรอีก พอเพียงรถยนต์กางคโฮเคลื่อนออกมาจากจุดนี้ นกกาที่บินอยู่บนฟ้าหายไปหมด
ซึ่งสิ่งนี้เป็นคำบอกเล่าของคนทรงเจ้าที่ตัวเองไปพบ พูดว่าแม่คุณย่าผมหอม และก็บิดาปู่คำแสน ไปสื่อกับคนทรงว่าถึงเวลาแล้วต้องการขึ้นมา ให้พาคนมาหาร่างพาขึ้นมาให้หน่อย โดยมีราษฎรหลายท่านมาหาช่วยเหลือกัน โดยราษฎรหาอยู่นานมั่นใจว่าคงจะอยู่ใกล้กับคัดดินที่อยู่ห่างไปจากจุดที่เจอ
จนถึงคนทรงท้าวเวสสุวรรณมาแล้วก็เดินมุ่งตรงไปยังจุดที่มีกระดูกอยู่เสมือนทราบตำแหน่ง ก่อนที่จะช่วยเหลือกันใช้ช้อนรวมทั้งมือขุดกระทั่งเจอกระดูกลักษณะกระดูกขาวงาม แต่ว่าภายหลังประชาชนรู้ก็มาจับมาก ทั้งโดนอากาศ จากกระดูกขาวก็เริ่มหมองตามช่วงเวลา
รวมทั้งเว้นแต่จุดที่คนทรงพูดว่ามีกระดูกของบิดาปู่แม่คุณย่าแล้ว ยังได้ขุดรอบๆใกล้ๆบนนาผืนเดียวกันยังเจอสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆอยู่ใต้ดินหลายชิ้น โดยคนทรงเป็นคนพาชี้ตำแหน่งรวมทั้งพูดว่า ทั้งคู่ร่างนั้นซ้อนกันอยู่เป็นร่างของแม่คุณย่าผมหอมแล้วก็บิดาปู่คำแสน แล้วก็ยังชี้ให้มองอีกว่าต่อไปชิดกันมีอีกร่าง
โดยได้กระทำล้อมมาร์กจุดเอาไว้ทั้งหมดทั้งปวง เพื่อคอยทางหน่วยงานที่เกี่ยวพัน โดยยิ่งไปกว่านั้นกรมศิลปมากระทำสำรวจรับรองตามขั้นตอน
เจ้าของที่ที่นา บอกอีกว่า ภายหลังที่เจอกระดูกก็มีคนไม่ปรารถนาดี นิมนต์ภิกษุละเมิดเข้ามาประกอบพิธีหาเลขไปเสี่ยงดวง แล้วก็ถูกเบอร์กันไปได้เงินกันเป็นหลักล้านบาท ในจุดนี้เองในฐานะที่เป็นเจ้าของที่รู้สึกอกน้อยใจ และก็โกรธบุคคลพวกนั้นที่มาประกอบพิธีต่างๆโดยมิได้บอกเล่าเจ้าของที่ท้องนา ซึ่งเป็นการละเมิดที่คนอื่นๆในยามวิกาลด้วย
แล้วยังมาประกอบพิธีหาเลขไปเสี่ยงดวงจนถึงถูกรางวัล แต่ว่าผู้ที่นี่ประชาชนตรงนี้รวมทั้งเป็นเจ้าของที่กลับมิได้รับโชคนั้นไป ก็เลยได้นำป้ายมาติดเอาไว้ไม่ให้ผู้ใดกันแน่มาถ่ายรูปหรือเข้ามาล่วงล้ำประกอบพิธีอะไรอีกตราบจนกระทั่งทางกรมศิลปจะกระทำวิเคราะห์ก่อน
ตัวเองก็มิได้หวงหรือกีดกั้นไม่ให้เข้ามา แต่เพียงอยากที่จะให้ข้าราชการกรมศิลปได้วิเคราะห์รับรองก่อนว่าเป็นกระดูกโบราณใช่หรือไม่ รวมทั้งที่ขุดเจอนั้นเป็นยังไงบ้าง
โดยปัจจุบันนี้ยังไม่มีข้าราชการจากทางกรมศิลปเข้ามาตรวจทาน แต่ว่ามีทางตำรวจแล้วก็หน่วยงานอื่นๆเข้ามาตรวจตราแล้ว โดยทางตำรวจพูดว่าไม่น่าจะใช่ศพที่ตายในเร็วๆนี้ และไม่มีเกี่ยวกับการแจ้งคนหายในห้วงช่วงเวลานี้อะไร และก็ลักษณะอย่างกับเสียชีวิตมานานแล้ว