จ้องมองเลขเด็ด! แห่ส่องเลขธูปแล้วก็หางดอกไม้ไฟ พิธีการพุทธาภิเษกเหรียญหลวงปู่โชคดี(คลิปวัดเกือบจะแตก)

ช่วงวันที่ 25 มี.ค.ก่อนหน้านี้ ที่วัดปรับปรุงธรรมฆาราม (บ้านด่านช่องจอม) ตำบลด่าน อำเภอกาบเชิง จังหวัดจังหวัดสุรินทร์ คณะทำงานจังหวัดบุรีรัมย์ นําโดยเฮียต่อ จังหวัดบุรีรัมย์ ผู้ครอบครอง ห้างหุ้นส่วนจำกัดธความบันเทิงชัยก่อสร้าง แล้วก็ เบล จังหวัดบุรีรัมย์ สองนักธุรกิจดังจังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมแผนกศิษยานุศิษย์ ที่มีความเคารพนับถือ หลวงปู่โชคดี ปภาโส เกจิมีชื่อบริเวณถิ่นอีสานใต้

ได้ด้วยกันประกอบพิธีเส้นไหว้และก็มหาพุทธาภิเษก ยอดเยี่ยมมหาวัตถุบูชา “รุ่นเจริญพรด้านล่าง” ที่ได้รับความกรุณาจากหลวงปู่โชคดี ปภาโส เจ้าอาวาสวัดปรับปรุงธรรมารามหรือวัดบ้านด่านช่องจอม ที่สิริอายุ 96 ปี ปี 46 ปี ให้ทำขึ้น

“ข้างหน้าเหรียญเป็นรูปเสมือนหลวงปู่โชคดี ปภาโส ข้างล่างเหรียญมีคำว่า เจริญพร ส่วนข้างหลังมีใจความของที่ระลึกครบ ๘ รอบ ๙๖ ปี วัดปรับปรุงธรรมมาราม” จัดสร้างไม่มากเท่าไรนัก จุดหมายสำหรับในการจัดสร้างเพื่อสมทบทุนสร้างรูปราวกับหลวงปู่โชคดี ปภาโส ขนาดใหญ่ราคาการก่อสร้างโดยประมาณ 30 ล้าน โดยพิธีกรรมเริ่มตั้งแต่เวลา 10.00 น.จนกระทั่ง 15.00 น. มีสามัญชนแล้วก็คนที่รู้ข่าวสารเข้ามาร่วมงานกันจนกระทั่งแน่นวัด เป็นปริมาณหลายพันคน

โดยก่อนจะมีพิธีการพุทธาภิเษกเหรียญหลวงปู่โชคดี”รุ่นเจริญพรข้างล่าง” ก็ได้มีการประกอบพิธีเส้นไหว้ไหว้ทวยเทพเทวดาฟ้าดินให้ได้รับทราบ แล้วก็ข้างหลังเสร็จพิธีการเส้นไหว้ก็ได้มีการจุดดอกไม้ไฟปริมาณหลายพันนัดหมาย ซึ่งผู้ร่วมงานต่างใจจดจ่อคอยลุ้นเลขหางปลายพลุที่ออกสตาร์ทเลขมาให้มองเห็นและก็เว้นแต่ลุ้นเลขหางปลายพลุแล้ว

ราษฎรยังไปลุ้นจ่อหาองส่องหาเลขธูปใหญ่ ที่จุดกึ่งกลางโต๊ะพิธีการเส้นไหว้กันอย่างครื้นเครงด้วย ด้วยเหตุว่านี่เป็นหนทางโชคลาภ บางบุคคลก็จ้องมองส่องดูแล้วเขียนไว้ บางบุคคลก็ใช้โทรศัพท์ถ่ายไว้เพื่อส่งต่อให้กับญาติมิตร เพื่อนเกลอ

โดยที่ได้มี เลขพลุเป็น631 75 ส่วนเลขธูปในพิธีการหมายถึง7916 ก่อนจะนำจำนวนที่ได้ไปพบซื้อกับพ่อค้าสลากกินแบ่งที่มาเดินขายในงานจนกระทั่งเลขดังกล่าวมาแล้วข้างต้นหมดทุกแผงในเวลาอันรวดเร็วทันใจ

และก็นอกเหนือจากนั้นผู้จัดยังได้มีการนำข้าวสารใส่ปริมาณ 5 พันกิโลพร้อมไข่ไก่ มามอบให้กับสถานศึกษาและก็แจกให้กับผู้มาร่วมงาน รวมทั้งออกโรงรับประทานอาหารแจกให้กับผู้มาร่วมงานได้อิ่มท้องกันอีกด้วย

ต่อจากนั้นตอนบ่ายเป็นการประกอบพิธีพุทธาภิเษก ยอดเยี่ยมมหาวัตถุบูชา “รุ่นเจริญพรด้านล่าง”โดยมีหลวงปู่โชคดี ปภาโส เจ้าอาวาสวัดบ้านด่านช่องจอม เป็นผู้นั่งอธิฐานจิต พิธีการมหาพุทธาภิเษก พร้อมหลวงตาแก่น คมฺภีรมุนี วัดสุวรรัตนน์โพธิยาราม อำเภอลำดวน จังหวัดจังหวัดสุรินทร์ แล้วก็มีพระสงฆ์ในวัดร่วมสวดมนตร์ในพิธีการ จนกระทั่งเสร็จสมบูรณ์พิธีการพุทธาภิเษก

ต่อจากนั้นแผนกผู้ผลิตนําโดยเฮียต่อ จังหวัดบุรีรัมย์ แล้วก็ เบล จังหวัดบุรีรัมย์ สองนักธุรกิจดังจังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมแผนกคณะทำงานศิษยานุศิษย์ ได้นำเหรียญ“รุ่นเจริญพรด้านล่าง”ที่ผ่านวิธีการทำพิธีการพุทธาภิเษก มาแจกให้กับผู้ร่วมงานตามปริมาณผู้ที่มารอรับ ที่มีไม่น้อยเลยทีเดียวหลายพันคน คนละเหรียญ

เวลาที่เซียนพระหลายๆคนก็ได้มารอรับซื้อเหรียญจากคนที่ได้ในราคาเหรียญละ 300 บาท แบบไม่จำกัด ดังนี้จะมีบางเหรียญที่ผสมแจกเป็นเหรียญลงยา ถ้าหากคนใดกันได้ไปจะรับซื้อที่ราคา 5 พันบาท และก็เหรียญหน้ากากทองคำ รับซื้อที่ราคา 1 หมื่นบาท อีกด้วย

สำหรับหลวงปู่โชคดี ปภาโส เจ้าอาวาสวัดปรับปรุงธรรมารามหรือวัดบ้านด่านช่องจอม สิริอายุ 96 ปี ซึ่งเป็นคนที่มีชื่อเสียงว่าเป็น ทวยเทพที่โชคลาภของบริเวณถิ่นอีสานใต้ วัดตั้งอยู่ที่ บ้านด่านช่องจอม ตำบลด่าน อำเภอกาบเชิง จังหวัดจังหวัดสุรินทร์ หลวงปู่โชคดีฯกำเนิดเมื่อ สิงหาคม 2470 ปีเถาะ บิดามารดาเป็นชาวเขมร แต่ว่าย้ายถิ่นมาอยู่เมืองไทยในยุคที่ประเทศฝรั่งเศสดูแล

โดยย้ายมาอยู่หมู่บ้านพระราชวัง ตำบลตาอ็อง อำเภอเมือง จังหวัดจังหวัดสุรินทร์ ดำรงชีพทำไร่ทำนาทำสวน มีญาติพี่น้องร่วมกัน 13 คน เป็นลูกผู้ที่ 7 ที่หมู่บ้านวัง ในวัยเด็กอายุโดยประมาณ 13-14 ปี พระคุณครูเฉิด ธัมมกโร ลูกพี่ลูกน้องของหลวงปู่โชคดี เดินทางธุดงค์มาจากราชอาณาจักรกัมพูชา เข้ามาเลิศพี่น้อง ลูกพี่ลูกน้องที่เมืองไทย บอกจะเดินธุดงค์ไปเรื่อยก่อนจะไปได้ขอกับแม่ของท่าน

โดยขอให้น้องไปด้วย และก็จะได้สอนให้ได้ฝึกเรียนเขียนอ่านหนังสือ ทำให้ได้เรียนอักษรเขมรศาสตร์วิชากิ้งก้านต่างๆตั้งแต่ตอนนั้น เล่าเรียนกับพระคุณครูเฉิด พระพี่ชายและก็ออกธุดงค์ไปด้วยเสมอ จนกระทั่งอายุ 15 ปี ได้กลับมาบ้านรวมทั้งบวชเป็นสามเณร เรียนภาษาไทย เขมร แล้วก็ภาษาบาลี เพิ่ม สอบได้ผู้ปฏิบัติธรรมโท

พออายุ 21 ปี ไปเป็นทหารที่กรมทหารม้า จังหวัดจังหวัดลพบุรี เลี้ยงม้าขี่ม้าอยู่ 3 ปี ข้างหลังปลดทำงานก็ท่องเที่ยวไปเรื่อยๆ ช่วงชีวิตหนึ่งของท่านท่องเที่ยวไปทั่ว รวมทั้งไปอยู่ประเทศเขมร กระทั่ง พุทธศักราช2495 ได้ย้ายไปอยู่ จังหวัดเมืองจันท์ ได้โอกาสเจอกับหลวงพ่ออาจจะ วัดวังสรรพรส ก็เลยตกลงใจบรรพชา

หลวงพ่อคงจะได้ถ่ายทอดวิทยาคม ตัวหนังสือเลขยันต์ ภาษาเขมร เขียนผงลบผง สักยันต์ แล้วก็อาคมต่างๆเยอะแยะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมนต์คงกระพัน ร่นระยะทาง จริงจังเรียนจนกระทั่งมีความเก่ง จนกระทั่งหลวงพ่อทรงไว้หัวใจให้เขียนยันต์ ตัวอักษรแทน รวมทั้งร่วมปลุกเสกด้วย

พุทธศักราช2532 หลวงพ่ออาจตาย ก็เลยได้รับการตั้งเป็น เจ้าอาวาสวัดวังสรรพรสแทน แต่ว่าอยู่ได้เพียงแต่ 6 ปี ก็ยื่นใบลาออกและก็ธุดงค์ไปเรื่อยจนตราบเท่ากลับมาถิ่นฐานบ้านช่องอยู่จำพรรษาที่วัดบ้านด่านช่องจอม อำเภอกาบเชิง จังหวัดจังหวัดสุรินทร์ จนกระทั่งปัจจุบันนี้

ท่านเป็นพระอาจารย์ที่ชาวอีสานใต้และก็ชาวเขมรแถบชายแดน ให้ความศรัทธา ด้วยเป็นพระที่เปี่ยมด้วยเมตตาธรรม ยามได้รับธุระนิมนต์ไปงานทำบุญต่างๆไม่เคยไม่ยอมรับ ถึงแม้ว่าอายุจะปิ้งไปสู่วัยแก่และก็มีปัญหาด้านของสุขภาพตามวัย ทั้งเมื่อท่านรับธุระนิมนต์แล้วท่านจึงควรเดินทางไปถึงสถานที่งานก่อนบ่อยๆ

ส่วนธุระนิมนต์ในพิธีการพุทธาภิเษกวัตถุบูชาตามวัดต่างๆท่านจำต้อง เดินทางร่วมพิธีการเสมอ แม้ว่าจะไกลหรือจะอ่อนเพลียเท่าใด ก็สุขสบายที่ได้ปฏิบัติแบบนั้น ลูกศิษย์ผู้รอดูแลดูแลก็ไม่สามารถที่จะ คัดค้านได้

ด้านวัตถุบูชาที่อธิษฐานจิตปลุกเสกนั้น ล้วนแต่มีประสบการณ์กล่าวขาน ทำให้บรรดานักสะสมนิยมพระเครื่องลางวัตถุบูชาต่างแสวงหามาบูชาถือครองประจำตัวเกียรติบารมี แล้วก็พุทธาคมแล้วก็อำนาจจิตของท่าน ทำให้ได้รับการชื่นชมว่าเป็นพระอาจารย์มีชื่อเสียงของจังหวัดสุรินทร์รวมทั้งดินแดนถิ่นใต้อีกด้วย