
ธุรกิจสีเทาลามถึงวงการบันเทิง
ในอดีตคนในวงการบันเทิงจะทำงานบันเทิงเป็นหลัก น้อยนักที่จะอาศัยความนิยมของตัวเองทำธุรกิจโดยปล่อยให้นายทุนกอบโกยผลประโยชน์จากความนิยม แต่ปัจจุบันดาราหลายคนอาศัยความดังเป็นตัวขับเคลื่อนธุรกิจของตัวเอง
ปกติแล้วดาราดังมากๆ คงไม่ต้องหันมามองธุรกิจเหล่านี้มากนัก แค่โชว์สินค้า ถือ 1 ชิ้น แล้วถ่ายรูปก็รับเงินไปเลย ดาราบางคนที่มีภาพลักษณ์ดี อาจได้รับสัญญาโปรโมทแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่งเป็นระยะเวลานาน ดังนั้นอาจมีข้อกำหนดว่าห้ามโปรโมทแบรนด์อื่นหรือแม้แต่แบรนด์ของตัวเอง
แต่สำหรับดารานางแบบที่ไม่ค่อยจะมีผลงานทางหน้าจอมากนัก อาจจะได้ลงข่าวตามงานต่างๆ บ้างเล็กน้อย หรือไม่ก็ทำอะไรวาบหวิวเพื่อให้เป็นข่าวออกสื่อ ดารากลุ่มนี้ก็มักจะหันไปจับธุรกิจบ้างเหมือนกัน โดยอาศัยชื่อเสียงของตนเองเป็นตัวส่งเสริม
อาชีพยอดนิยมมักเกี่ยวข้องกับความงาม ทั้งอาหารเสริม ยาลดน้ำหนัก อาหารเพื่อสุขภาพ. คลินิกศัลยกรรม เป็นต้น ธุรกิจในกลุ่มนี้อาจจะไม่เทามากนัก แต่อาศัยภาพลักษณ์การเป็นนักแสดงเพื่อโปรโมทสินค้าเหล่านั้น ส่วนจะมีการโฆษณาโอ้อวดสรรพคุณหรือไม่นั้น เชิญชวนมากที่จะถาม
ปัญหาที่สำคัญคือ คุณภาพ คุณสมบัติของสินค้าเหล่านั้น มีประโยชน์และไม่เป็นอันตรายจริงหรือ? คุ้มค่ากับเงินที่ผู้บริโภคจ่ายไปหรือไม่? ล่าสุดมีข่าวจับโรงงานผลิตยาลดน้ำหนักใช้สารต้องห้าม และแบรนด์เหล่านั้นก็ผลิตมาเพื่อคนในวงการบันเทิงหลายแบรนด์ด้วยกัน
ประเด็นเรื่องอาหารเสริม หรือยาลดความอ้วนอาจยังไม่ชัดเจนนักในแง่ที่สงสัย แต่เมื่อพูดถึงการระดมทุน ความสงสัยของสีเทามีมากกว่า และชัดเจนว่าการระดมทุนจะต้องได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. ก่อน
การระดมทุนและให้ผลตอบแทนสูงถึง 15% ต่อปี ที่ทุกคนจะต้องตื่นตา แล้วยิ่งบอกว่าไม่มีความเสี่ยง อาศัยความเป็นคนในวงการบันเทิงเป็นประกันอีกที ทำให้โอกาส ได้รับความสนใจจากนักลงทุนมาก
เนื่องจากปัจจุบันเงินฝากธนาคารให้ผลตอบแทนน้อยกว่า 1% เงินฝากสหกรณ์จึงให้ผลตอบแทนสูงกว่าเล็กน้อย แต่ไม่ถึง 4% เงินฝากในตราสารหนี้สภาพคล่องไม่ดี ยังต่ำกว่า 4% ผลตอบแทนยังอยู่ที่ประมาณ 10% ต่อปี แต่ลงทุนด้วยเงินแล้วให้ผลตอบแทน 15% ต่อปี แล้วคำถามก็คือ เอาเงินไปทำอะไรถึงได้ผลตอบแทนเยอะขนาดนั้น? ถ้าไม่ใช่เงินเพื่อเงิน
ปกติแชร์ลูกโซ่ล้มมาหลายครั้งแล้ว จะมีหน้าสินค้าทำให้เชื่อได้ว่าทำกำไรได้จริง เช่น หลังจะบอกว่าเล่นซื้อขายเงินตราต่างประเทศ (Forex) ลงทุนโทรคมนาคมต่างประเทศ หรืออะไรๆ ก็ตาม ไม่เว้นแม้แต่ธุรกิจขายยาลดน้ำหนัก ,ขายปุ๋ย ,ขายก๋วยเตี๋ยว , สารพัด.
คำถามคือธุรกิจนั้นทำกำไรได้จริงหรือไม่ การขอสินเชื่อธนาคารคงไม่ใช่เรื่องยาก เขียนแผนธุรกิจดีจะกู้ได้เยอะ หรือ ถ้าไม่อยากกู้ธนาคาร ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง นักลงทุนใกล้บ้านจะสนใจ แล้วทำไมต้องระดมทุนจากคนนอก?
ดังนั้นการลงทุนแบบร่วมทุนในกิจการร่วมค้าที่ให้ผลตอบแทนสูง จึงไม่ชัดเจนว่ารายได้เป็นอย่างไร จึงควรระวังให้มาก อาจกลายเป็น แชร์ลูกโซ่กลายพันธุ์ ช่วงแรกๆ ดูเหมือนจะให้ผลตอบแทนที่ดี ต่อมากลายเป็นเงินหมุนเงิน เอาเงินก้อนใหม่ไปจ่ายก้อนเก่า จนไม่หาสมาชิกใหม่มาเพิ่มจนครบจำนวนที่ต้องจ่ายก็จะต้องเลื่อนเวลาจ่ายคืนออกไปอย่างไม่มีกำหนด จนในที่สุด ไม่จ่ายก็ล้ม และถึงมีผู้เดือดร้อนมาแจ้งความกันทีหลัง
ปัญหาแชร์ลูกโซ่มีให้เห็นเป็นข่าวอยู่เป็นระยะ บางกรณีก็อาศัยธุรกิจที่น่าเชื่อถือ ดำเนินการได้ไม่นานแต่สุดท้ายก็ล้ม ดังนั้น ก่อนลงทุนจึงควรศึกษาสภาวะตลาด ต้นทุน ราคาขาย และกำไรให้ดีเสียก่อน หรือเห็นคนนั้นดัง คนนี้ลงทุน เราต้องพิจารณาความเสี่ยงเองจะได้ไม่เจ็บตัว