มัม ลาโคนิค เปลืองเงินกับผู้ชาย พร้อมติดพนัน สูญเงินเป็นล้าน

มัม ลาโคนิค เปลืองเงินกับผู้ชาย พร้อมติดพนัน สูญเงินเป็นล้าน

ออกมาเปิดใจให้ฟังถึงเรื่องราวชีวิตแบบล่อนจ้อน สำหรับนักร้องเสียงดี มอม ลาโคนิค ในต้มยำอมรินทร์ งานนี้เจ้าตัวบอกว่าเคยดาวน์บ้านและรถฝ่ายชายพร้อมเสี่ยงโชคสูญเงินนับล้านบาท ก่อนจะหันหลังกลับเพราะหันหน้าไปทางวัดที่เพิ่งผ่านการบำบัดทางจิตมา 

“หนักที่สุดเท่าที่เราเคยจ่ายค่ารถมา เราโหลดแล้วปล่อยให้เขาส่งไปเอง เราหลงทางและถูกหลอก แต่เรารักเขาเหมือนเขา สิ่งที่เราให้เขา บ้านหรือรถ หรือ เงินอะไรก็ตามที่เรารวบรวมเอง เราจะให้ผู้ชายคนหนึ่งที่ไม่บุกรุกบ้านของเรา ทุกสิ่งทุกอย่างมาจากรายได้ที่เราทุกคนหาได้ด้วยตัวเอง เราไม่ทิ้งเขา เรามี เหลือบ้างเราก็แบ่งกัน

          นอกจากค่าตัวผู้ชายแล้ว ยังมีช่วงที่เราติดการพนันอีกด้วย ที่ๆเราทำงานหาเงินจากการร้องเพลง เงินเดือนออกแล้ว ไปเล่นวันไหนก็ได้ วันไหนพังก็พัง โชคไม่ดีพอ เรารับเงินไปหมดแล้ว สามสี่แสน ครั้งหนึ่งฉันถึงกับเอากุญแจรถเบนซ์ไปใส่ เพราะคิดว่าจะได้คืน แต่กลายเป็นว่ารถหาย เมื่อฉันกลับถึงบ้าน แม่ของฉันถามว่ารถจะไปไหน เราบอกเขาตรงๆ ว่าแม่เสียใจมาก ซึ่งเป็นเรื่องไม่ดีในตอนที่เรายังเด็กมาก ตอนนั้นเราอายุ 20 ต้นๆ เท่านั้น

          จนวันหนึ่งได้นอนลงและตื่นขึ้นนั่งคิดเอาเอง เหมือนเราหมดกรรม คุณจะคิดเอาเองว่าแทบตาย ที่นี่เราเอาเงินที่เราทำงานมาเล่นเท่าไหร่ ทำไมเรายังเล่นได้ เล่นเพื่ออะไรที่ฉันเล่นได้ เมื่อเราตระหนักได้เอง เราตัดสินใจในขณะนั้นว่าฉันจะไม่เล่นอีกเลย เลิก. ตั้งแต่วันนั้นเราไม่ได้เล่นอีกต่อไป

            แต่ก่อนจะลาออก เราเสียเงินเป็นล้าน เพราะตั้งแต่เราทำงานเป็นนักร้อง เราก็ไม่เคยมีอะไรมากมายที่จะลงทุนอะไรเลย ซื้อของฝากเพราะเราเล่นหมด ตั้งแต่ลาออก ชีวิตเราดีขึ้นมาก อย่ากล้าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการพนันอีกต่อไป หลังจากที่เราลืมตาขึ้น หลังจากวันนั้นเราเลิกกันและได้รู้จักคุณทรง วาจี อุย ท่านทั้งสองเป็นลูกศิษย์ของพระอาจารย์เอกชัย สิริยะโน วัดใหม่ศรีร่มเย็น อ.เชียงของ

          ได้มีโอกาสขึ้นทอดกฐินที่วัดแห่งนี้ เมื่อเราจากไปเราก็ไปไหว้ครู คุณเป็นพระที่จะพัฒนาวัด ดูแลการพัฒนาหมู่บ้านของคุณ ไปดูแลงานต่าง ๆ เพื่อขอความช่วยเหลือจากอาจารย์ผู้สอนจะช่วยคุณในทุกเรื่อง ทุกสิ่งที่อาจารย์สามารถช่วยได้ ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ ทหาร เกือบทั่วประเทศไทย ลูกศิษย์ ปฏิบัติธรรม ฝึกสมาธิกับท่านเป็นครู

          ทำให้เรารู้สึกซาบซึ้ง จึงเรียนเชิญท่านปฏิบัติธรรม แต่ขอแค่ว่าเรายังไม่พร้อม ไปนั่งปฏิบัติธรรมนั่งสมาธิกับท่าน แต่เมื่อมีโอกาสเราต้องทำให้ได้ และตอนนี้ก็มีขึ้นมีลง แต่ช่วงโควิดเราไปวัดตั้งแต่เดือนเมษายน เราไปนอนที่วัดและไปทำบุญ จะไปเป็นลูกศิษย์พระอาจารย์ช่วงบรรจุหน่วยไหนขาดมวล? เยี่ยมพื้นที่ผู้ป่วยติดเตียง นำสิ่งของไปบริจาคให้ครู หลังจากนั้นเราก็ทำกิจกรรมในวัดเช่นกัน เช่น ดูแลวัด กวาดพื้นวัด ทำความสะอาดห้องน้ำ แม้กระทั่งอาหาร ถ้าเรามีโอกาสเข้าไปในครัว เราก็เข้าไปในครัวเพื่อทำอาหารวัดด้วยตัวเองกับเชฟที่นั่น”